เซต 2 อุปกรณ์ทำงานที่อับอากาศ
฿321.00 – ฿2,200.00
Size and packaging guidelines
Fermentum scelerisque hendrerit parturient nullam enim lobortis litora parturient dictumst.
Potenti a quisque tincidunt venenatis adipiscing parturient fermentum nisl tincidunt amentu.
Scelerisque conubia lobortis a condimentum ad eleifend dui integer maecenas habitant nostra.
Specification | Chair | Armchair | Sofas |
Height | 37" | 42" | 42" |
Width | 26.5" | 32.5" | 142" |
Depth | 19.5" | 22.5" | 24.5" |
Assembly Required | No | No | Yes |
Packaging Type | Box | Box | Box |
Package Weight | 55 lbs. | 64 lbs. | 180 lbs. |
Packaging Dimensions | 27" x 26" x 39" | 45" x 35" x 24" | 46" x 142" x 25" |
การใช้งานอุปกรณ์ทำงานในที่อับอากาศต้องมีการเตรียมตัวและตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน เนื่องจากสภาพแวดล้อมในพื้นที่อับอากาศนั้นเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้ง่าย เช่น การขาดอากาศหายใจ การสัมผัสสารเคมี หรือการเกิดไฟไหม้ ซึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีประกอบด้วยอุปกรณ์ตรวจวัดอากาศ ระบบช่วยชีวิต พัดลมระบายอากาศ และเครื่องช่วยหายใจ ดังนี้
1. เครื่องตรวจวัดอากาศ M40 PRO
เครื่องตรวจวัดอากาศ M40 PRO เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยของอากาศภายในพื้นที่อับอากาศก่อนและขณะปฏิบัติงาน โดยจะตรวจวัดค่าต่างๆ เช่น ปริมาณออกซิเจน แก๊สไวไฟ และแก๊สพิษ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์และไฮโดรเจนซัลไฟด์
วิธีใช้งาน
- เปิดเครื่องและตั้งค่า – ตรวจสอบว่าเครื่องมีแบตเตอรี่เพียงพอ และเปิดเครื่องโดยกดปุ่มเปิดใช้งาน หลังจากนั้นรอให้เครื่องตรวจสอบระบบอัตโนมัติ
- ปรับโหมดการวัด – เลือกโหมดการวัดที่ต้องการ เช่น โหมดสำหรับอากาศในที่อับ
- นำไปทดสอบในพื้นที่ที่ต้องการ – นำเครื่องตรวจวัดไปที่พื้นที่อับอากาศที่ต้องการวัด โดยควรวางไว้ในจุดที่มีการระบายอากาศไม่ดีและมีโอกาสที่จะแก๊สจะสะสม
- อ่านค่าที่ได้ – อ่านค่าแก๊สแต่ละประเภทที่แสดงบนหน้าจอของเครื่องตรวจวัด หากค่าที่แสดงเกินมาตรฐานควรหยุดปฏิบัติงานทันทีและแจ้งทีมความปลอดภัย
- ปิดเครื่องและบำรุงรักษา – หลังใช้งานเสร็จ ให้ปิดเครื่อง เช็ดทำความสะอาด และตรวจสอบแบตเตอรี่เพื่อพร้อมใช้งานครั้งต่อไป
2. ระบบช่วยชีวิต Sked® Basic Rescue System
Sked® Basic Rescue System เป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานในกรณีเกิดอุบัติเหตุภายในพื้นที่อับอากาศ เช่น อาการหมดสติ การติดอยู่ในที่แคบ หรือการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงาน
วิธีใช้งาน
- ประกอบระบบช่วยชีวิต – เปิดกระเป๋าและประกอบอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ประกอบด้วยแผ่นรองตัว สายรัด และระบบดึง
- วางแผ่นรองในพื้นที่ที่ต้องการช่วยเหลือ – วางแผ่นรองตัวภายใต้ผู้ประสบภัยในท่าที่สามารถดึงตัวขึ้นได้อย่างปลอดภัย
- รัดสายเพื่อยึดตัวผู้ประสบภัย – ใช้สายรัดที่มีมาในระบบเพื่อยึดตัวผู้ประสบภัยให้แน่นหนาและมั่นคง
- ใช้ระบบดึงเพื่อเคลื่อนย้าย – ใช้ระบบดึงใน Sked เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่อับอากาศ โดยมีผู้ปฏิบัติงานคอยควบคุมและช่วยเหลืออยู่ตลอด
3. พัดลมระบายอากาศ
พัดลมระบายอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการระบายอากาศในพื้นที่อับอากาศเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ลดการสะสมของแก๊สพิษ และช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่นั้น
วิธีใช้งาน
- ตั้งพัดลมในตำแหน่งที่เหมาะสม – วางพัดลมในตำแหน่งที่สามารถหมุนเวียนอากาศได้ดี โดยปกติจะวางไว้ในทางเข้าออกของพื้นที่อับอากาศ
- เปิดพัดลม – เปิดสวิตช์และตั้งค่าความแรงของพัดลมให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่
- ตรวจสอบการหมุนเวียนอากาศ – ตรวจสอบว่าพัดลมระบายอากาศทำงานได้ดีพอที่จะช่วยหมุนเวียนอากาศ หากจำเป็นต้องเพิ่มพัดลมหรือเปลี่ยนตำแหน่ง
- ปิดและทำความสะอาดหลังใช้งาน – หลังการใช้งานปิดพัดลมและทำความสะอาดเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น
4. เครื่องช่วยหายใจ (SCBA) ขนาด 6.8 ลิตร
เครื่องช่วยหายใจชนิด Self-Contained Breathing Apparatus (SCBA) ขนาด 6.8 ลิตร เป็นอุปกรณ์ที่ให้ผู้ปฏิบัติงานมีอากาศบริสุทธิ์ใช้หายใจภายในพื้นที่ที่มีออกซิเจนไม่เพียงพอหรือมีสารพิษเจือปน
วิธีใช้งาน
- สวมอุปกรณ์และปรับสายรัด – สวมอุปกรณ์บริเวณศีรษะและปรับสายรัดให้แน่นหนาเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดขณะใช้งาน
- เปิดวาล์วออกซิเจน – เปิดวาล์วที่ถังอากาศเพื่อให้อากาศไหลเข้าสู่หน้ากาก
- ตรวจสอบหน้ากาก – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้ากากยึดติดแน่นกับใบหน้า ไม่มีช่องโหว่ให้อากาศภายนอกเข้าสู่หน้ากากได้
- เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศ – เมื่อพร้อมแล้วให้เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศ โดยควรสังเกตการทำงานของเครื่องช่วยหายใจอยู่เสมอ
- ออกจากพื้นที่และถอดอุปกรณ์ – หลังเสร็จสิ้นการทำงานให้ออกจากพื้นที่อับอากาศ และปิดวาล์วออกซิเจนเพื่อหยุดการใช้งาน ถอดอุปกรณ์และตรวจสอบความสมบูรณ์เพื่อพร้อมใช้งานในครั้งถัดไป
5. ไตรพอด 3 ขา รอกประกอบ (เชือก)
ไตรพอด 3 ขา เป็นอุปกรณ์ช่วยดึงผู้ปฏิบัติงานขึ้นจากพื้นที่อับอากาศที่อยู่ในระดับลึก เช่น บ่อ ท่อ หรือหลุม โดยใช้ระบบรอกประกอบกับเชือกเพื่อความปลอดภัย
วิธีใช้งาน
- ติดตั้งไตรพอตในตำแหน่งที่เหมาะสม – วางไตรพอดในตำแหน่งเหนือพื้นที่อับอากาศที่ต้องการใช้งานให้มั่นคงและแข็งแรง
- ประกอบรอกและเชือก – ติดตั้งรอกและเชือกกับไตรพอดให้มั่นคง โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่ารอกทำงานได้ดีและเชือกสามารถรองรับน้ำหนักผู้ปฏิบัติงานได้
- เชื่อมต่อผู้ปฏิบัติงานกับระบบดึง – ใช้สายรัดตัวเชื่อมต่อผู้ปฏิบัติงานกับเชือกที่ติดตั้งกับรอก
- ใช้ระบบรอกในการดึงตัวขึ้นหรือลง – หากต้องการดึงผู้ปฏิบัติงานขึ้นหรือปล่อยลง ให้ใช้ระบบรอกคอยควบคุมให้ผู้ปฏิบัติงานเคลื่อนที่อย่างปลอดภัย
- ถอดอุปกรณ์และเก็บรักษาหลังใช้งาน – เมื่อเสร็จสิ้นการใช้งาน ถอดรอกและเชือกออกจากไตรพอด และทำความสะอาดอุปกรณ์เพื่อพร้อมใช้งานในครั้งต่อไป
ข้อควรระวังในการใช้อุปกรณ์ทำงานในพื้นที่อับอากาศ
- ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งาน – ควรตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้นว่าทำงานได้ดี และไม่มีการชำรุดก่อนนำไปใช้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งาน – ใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้องตามคู่มือและคำแนะนำของผู้ผลิต
- ฝึกอบรมการใช้งานอุปกรณ์ – ผู้ปฏิบัติงานควรได้รับการฝึกอบรมการใช้งานอุปกรณ์ในพื้นที่อับอากาศ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
- สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตามมาตรฐาน – การใช้อุปกรณ์เสริม เช่น หมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย หรือถุงมือ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
บริการเช่า PPE ครบวงจร
บริการเช่า PPE ครบวงจร เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนการจัดหาชุดป้องกันส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นหมวกนิรภัย, แว่นตานิรภัย, ถุงมือ, ชุดป้องกันสารเคมี, หรือรองเท้านิรภัย บริการนี้ช่วยให้คุณได้รับอุปกรณ์ที่มีคุณภาพผ่านการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ลดภาระในการจัดการสต็อกและความยุ่งยากในการทำความสะอาด นอกจากนี้ยังมีบริการจัดส่งถึงสถานที่ พร้อมคำแนะนำการใช้งานที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยของพนักงานและการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ